Basel Military Tattoo

พยากรณ์อากาศของวันนั้นบอกว่า จะมีพายุและฝนตกทั่วประเทศ ทำให้ใจฝ่อ เพราะวางแผนไว้นานแล้วว่าจะขับรถไปเมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในตอนบ่าย เพื่อชมการแสดงดนตรีของทหาร จากกองทัพต่างๆหลายประเทศ ที่จะเดินทางมาเล่นกันที่ค่ายทหารในเมืองบาเซิล ที่เรียกว่า Kaserne เราได้จองตั๋วล่วงหน้าไว้แล้วถึงแปดเดือนเต็ม อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีฝนตกบ้างในระหว่างการเดินทาง และในขณะที่กำลังชมการแสดง อากาศเลวร้ายที่กริ่งเกรงก็ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะทั้งฝน พายุ และลูกเห็บต่างเป็นใจพากันไปตกเสียที่อื่นจนหมด ยังวาดภาพไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

หากการแสดงกลางแจ้งจะถูกทำลายด้วยธรรมชาติ เห็นรูปในหน้าหนังสือพิมพ์วันรุ่งขึ้น มีลูกเห็บโตเท่าลูกปิงปองตกในบางพื้นที่ และในบางพื้นที่ลูกเห็บโตเท่าไข่ไก่ นอกจากนั้นยังมีลมพายุโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง จนต้นไม้ถึงกับโค่นล้มทำความเสียหายให้อย่างมหาศาลอีกต่างหาก บริษัทประกันประเมินความเสียหายไว้ประมาณสองร้อยล้านฟรังค์ (คูณด้วยสามสิบจะเป็นเงินบาท) จึงนับว่าเราโชคดีมากที่ไม่ได้เผชิญกับอากาศที่เลวร้ายในวันนั้น

การไปชมการแสดงครั้งนี้เป็นการไปเป็นครั้งที่สอง หลังจากที่เคยไปมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อสองปีก่อน บาเซิลเริ่มจัดการแสดงดนตรีที่เรียกว่า MilitaryTattoo เป็นครั้งที่สี่ในปีนี้ หลังจากที่ได้เปิดให้มีการจองตั๋วเป็นเวลาสิบเก้าวัน ตั๋วทั้งหมดก็ขายหมดเกลี้ยง สำหรับการแสดงที่มีระยะแค่แปดวัน คณะผู้จัดทำได้บอกว่าเมื่อสิ้นสุดการแสดงจะมีผู้เข้าชมทั้งหมดถึงหนึ่งแสนคน เคยเล่าให้คุณผู้อ่านฟังไว้ครั้งหนึ่งแล้วว่า สถิติของสวิสเชื่อถือได้ ไม่มั่ว

ความคิดในการจัดทำ Military Tattoo เกิดขึ้นจากความสำเร็จของกองดุริยางค์ทหารของกองทัพที่ตั้งอยู่ในเมืองบาเซิล พวกเขาเป็นผู้เล่นกลองด้วยวิธีที่แปลก น่าตื่นเต้น เร้าใจ ได้ไปทำชื่อเสียงไว้หลายครั้งที่เมือง Edinburgh ในประเทศสก๊อตแลนด์ กองดุริยางค์ของพวกเขารู้จักกันในนาม Top Secret Drum Corps เมื่อได้รับความนิยมมากมายจากผู้ชมทั่วโลก จึงได้เกิดความคิดว่า ทำไมไม่จัด Military Tattoo ในประเทศบ้านเกิดของตนเองบ้าง ด้วยเหตุนี้ จึงได้มีการแสดงขึ้นเป็นครั้งแรกในปีค.ศ. ๒๐๐๖ ซึ่งเราได้มีโอกาสได้ไปชมเป็นครั้งแรกในปีที่สองคือปีค.ศ. ๒๐๐๗

ทั้งฝีมือในด้านการจัดการแสดงและผลตอบแทนเป็นตัวเงินที่ได้รับ การแสดงที่เมืองบาเซิลได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่เป็นที่สองรองลงมาจาก Military Tattoo ของ Edinburgh ที่จะเฉลิมฉลองการแสดงครบรอบหกสิบปีในปีนี้ และจะเริ่มมีขึ้นตั้งแต่วันที่ ๗ ถึง วันที่ ๒๙ สิงหาคม นอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลองครบวันเกิดรอบสองร้อยห้าสิบปีของประเทศสก๊อตแลนด์แล้ว ยังเป็นการฉลองให้แก่ Robert Burns กวีแห่งชาติของสก๊อตแลนด์อีกต่างหาก หลังจากที่ได้แสดงที่เมืองบาเซิลแล้ว พวกนักดนตรีก็เริ่มซ้อมกันใหม่ เพื่อไปร่วมการดุริยางค์กับนักแสดงดนตรีต่างๆที่มาพบกันที่เมือง Edinburgh

คำว่า Tattoo ถือกำเนิดมาตั้งแต่ศตวรรษที่สิบแปด จากการที่กองทัพของทหารอังกฤษไปประจำที่เขตอันเรียกว่า Flanders ในสมัยนั้น ซึ่งก็คือประเทศเบลเยี่ยมและประเทศเนเธอร์แลนด์นั่นเอง ในขณะนั้นมีสงครามสืบพระราชสันติวงศ์ของอาณาจักรออสเตรีย ทหารที่ตีกลอง drummers จากกองทัพถูกส่งออกไปในเมืองทุกเย็น เพื่อตีกลองเรียกพวกทหารที่ยังสนุกอยู่ในเมือง ให้กลับสู่กรมกอง เรียกว่า Beat Retreat เมื่อได้ยินเสียงกลองเรียกทหาร เจ้าของบาร์และผับทั้งหลายจะปิดก๊อกหยุดเสิรฟเบียร์ทันที เพื่อเตือนให้ทหารกลับไปที่พักเข้านอนพักผ่อน

ในขณะที่ Edinburgh Military Tattoo จัดให้มีการแสดงในบริเวณ courtyard ของวังเก่าของเมืองเอดินเบอเรอห์ โดยมีกำแพงวังเป็นฉากหลัง มีผู้มาร่วมการแสดงจากสี่สิบประเทศ จากจำนวนของผู้เข้าชม สองแสนหนึ่งหนึ่งหมื่นเจ็ดพันคน ประมาณ ๓๕ เปอร์เซ็นต์ มาจากต่างประเทศ Basel Military Tattoo มีผู้แสดงมาจากสี่ทวีป จำนวนหนึ่งพันคน และการแสดงมีขึ้นในบริเวณของกรมทหารแท้ๆ สำหรับชาวบาเซิลหรือชาวสวิสโดยทั่วไปแล้ว การมาร์ชเข้ากับจังหวะเพลง หรือการเล่นดนตรีจำพวกกลองหรือปี่ขลุ่ย เป็นของธรรมดา เพราะมีการเฉลิมฉลองงานในฤดูใบไม้ผลิที่เรียกว่า Fasnacht ฝังอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว ตอนปีแรกที่เริ่มจัดงานดุริยางค์ดนตรีของทหารที่เมืองบาเซิลในปี ๒๐๐๖ มีผู้เข้าชม สามหมื่นแปดพันคน ปีต่อมามีผู้เข้าชมถึงหกหมื่นหกพันคน รวมผู้เขียนด้วย ผู้ผลิตรายการ Basel Military Tattoo คือนาย Erik Juliard เขาคนนี้แหละที่เป็นผู้ออกแบบการแสดง Top Secret Drum Corps จนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก สถิติบอกว่าตั้งแต่จัดการแสดงมาทั้งหมดสี่ปี มีผู้เข้าชมแล้วเป็นจำนวนถึงสองแสนหกหมื่นคน

ภายนอกบริเวณ Kaserne ที่จัดให้มีการแสดงดนตรี มีเต็นท์ใหญ่ตั้งแน่นไปหมด เพื่อขายเครื่องดื่ม และอาหารจำพวกขนมปัง แซนด์วิช ไส้กรอกให้ผู้เข้าชม พอเดินเข้าไปในบริเวณงานก็ได้กลิ่นไส้กรอกปิ้งโชยมาเข้าจมูก เลือกที่นั่งซึ่งเป็นโต๊ะยาว ม้านั่งยาวที่ใช้ในการเลี้ยงฉลองงานใหญ่ๆที่ชาวสวิสจัดขึ้นได้แล้ว ผู้ชายสองคนที่มาด้วยก็เดินไปซื้อไส้กรอกและเบียร์มาเป็นอาหารเย็นในวันนั้น ไส้กรอกสวิสหรือที่เราเรียกว่า Cervelas เป็นอาหารประจำชาติของสวิสประเภทฟาสท์ฟูด เวลาไปเดินบนภูเขาหรือไปปิคนิค ชาวสวิสก็มักจะนำเอาไส้กรอกประเภทนี้ติดกระเป๋าไปด้วย เพื่อจะเอาไปปิ้งกินกันในระหว่างทาง เพราะตามสถานที่ต่างๆจะมีกองหินจัดไว้ให้สำหรับก่อไฟปิ้งหรือย่างไส้กรอกเสมอ หากคราใดที่อากาศแห้งแล้ง ชาวบ้านก็มักจะได้รับการเตือนให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ให้ก่อไฟจนไหม้ลุกลามป่าสน

จัดแจงกับอาหารเสร็จ ก็เดินเข้าไปในบริเวณงาน มีอัฒจรรย์ตั้งเป็นชั้นๆแบบในสนามฟุตบอล ต่างกันก็แต่เพียงว่า ที่นั่งแต่ละที่มีเลขหมายกำกับไว้ พอเอาตั๋วให้เขาดู เจ้าหน้าที่ก็จัดการแจกเสื้อฝนและกระดาษทิชชูให้ทุกคน ทั้งเสื้อฝนและกระดาษทิชชูได้รับบริจาคมาจากสปอนเซอร์รายใหญ่ของรายการคือ Coop (อ่านว่าโค-อ๊อพ) ซึ่งเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่ของสวิส เทียบได้กับ Migros (อ่านว่า มิโกร) สปอนเซอร์รายใหญ่อีกเจ้าหนึ่งคือบริษัท Novartis ซึ่งเป็นบริษัทพี่เบิ้มผลิตภัณฑ์ยาที่มีชื่อเสียงของโลก และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองบาเซิล เวลาเดินทางไปถึงเมืองบาเซิลจะเห็นชื่อของบริษัทติดหราอยู่ตั้งแต่บนถนนไฮเวย์เลยทีเดียว แม้ว่าจะเป็นสปอนเซอร์รายสำคัญ บริษัทโนวาร์ติส ก็เก็บตัวเงียบๆ แบบ โลว์โพรไฟล์ไม่ออกหน้าออกตาแต่อย่างใด

พอได้ที่นั่งเรียบร้อยแล้ว ก่อนการแสดงจะเริ่มขึ้นเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ประกาศให้ผู้ชมสรวมเสื้อกันฝนที่ได้รับแจก ทุกคนร่วมมือกันอย่างพร้อมเพรียงด้วยการสรวมเสื้อฝน ทั้งๆที่แต่ละคนก็ได้เตรียมเสื้อฝนมาแล้ว รวมถึงตัวผู้เขียนและคณะ เป็นภาพที่ดูแล้วน่ารักมาก เพราะความร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของผู้เข้าชม ทำให้เกิดความประทับใจ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่มักจะให้ความร่วมมือกับสิ่งที่ตนเองเห็นว่าดีงามและถูกต้องเสมอ เรียกว่าแต่ละคนมี จิตใจเป็นสาธารณะหรือ มี public spirit นั่นเอง

การบรรเลงดุริยางค์เริ่มขึ้นในเวลาหกโมงเย็นตรงเวลาไม่ช้าไปแม้แต่หนึ่งนาที ฝนเริ่มปรอยลงมา เราได้รับการชี้แจงให้เอาเสื้อฝนด้านหลังคลุมไปบนพนักเก้าอี้ เพื่อฝนที่ตกลงมาจะได้ไม่ไหลเปียก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงปี่สก๊อตและกลองนำหน้ามา ก่อนที่จะเห็นขบวนพาเหรดที่ค่อยๆทยอยเดินตามจังหวะเพลง ออกมาจากประตูด้านซ้ายของกรมทหาร เป็นกองดุริยางค์ Massed Pipes and Drums, International อันประกอบไปด้วยกองดุริยางค์จากประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ สก๊อตแลนด์ เยอรมันนี ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ โอมาน นิวซีแลนด์ และแคนาดา เล่นเพลงเพราะๆหลายเพลง อาทิ Scotland the Brave, The Bonnie Lass O’Fyvie และ The Skye Boat Song เป็นต้น ส่วนกองดุริยางค์ของประเทศสวิสเรียกว่า Swiss Highlanders เป็นกองดุริยางค์ที่ใหม่เอี่ยมที่สุดของประเทศ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้วนี่เอง เป็นกองดุริยางค์ที่เป่าปี่สก๊อตและตีกลอง และได้รวบรวมเอานักดนตรีพลเรือนจากทั่วประเทศไว้ด้วยกัน เป็นวงดุริยางค์วงแรกประเภทนี้ ของสวิสที่ไม่ใช่มาจากทหารแต่ได้รับเชิญให้ไปร่วมกับ Military Tattoo ที่เมือง Edinburgh ปีหน้าคือปี ๒๐๑๐ กองดุริยางค์ Swiss Highlanders จะไปปรากฏตัวเป็นครั้งแรกที่เมือง Edinburgh

ขบวนที่สองเป็นกองดุริยางค์ของ Rallye Tempete กลุ่มนักล่ากวางจากประเทศฝรั่งเศสมานานถึงสิบห้าปีแล้ว โดยใช้ทั้งม้าและสุนัขสำหรับล่าสัตว์ในป่าทางตอนใต้ของกรุงปารีส เพื่อป้องกันไม่ให้มีสัตว์เช่นกวางมีจำนวนมากเกินไป สำหรับนักล่าสัตว์ซึ่งมีทั้งหญิง ชาย และวัยรุ่น ใช้ม้าเป็นพาหนะถึงยี่สิบสี่ตัว และสุนัขอีกจำนวนถึงร้อยห้าสิบตัวในคราวเดียวกัน พวกเขาได้รับการดูแลต้อนรับจากเจ้าของบ้านที่ร่ำรวยมีที่ดินมหาศาล ในระหว่างฤดูการล่าสัตว์ตั้งแต่เดือน กันยายนถึงเดือนเมษายน การล่ากวางจะทำกันอาทิตย์ละสามครั้ง และจะมีกวางถูกฆ่าปีละสี่สิบตัว การติดตามล่ากวางในวันหนึ่งๆจะมีระยะทางประมาณห้าสิบกิโลเมตร

ในขณะที่หัวหน้ากลุ่มนักล่ากวางขี่ม้าไปข้างหน้า จะมีสุนัขวิ่งตามข้างหลังเป็นฝูง ส่วนคนอื่นๆจะติดตามมาข้างหลังอีกทีหนึ่ง แต่ละคนจะมีแตรไว้เป่าเป็นสัญญาณ ถ้าหากว่ามีกวางตัวใดวิ่งออกนอกทางจากบริเวณที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้ใช้ หากสุนัขสามารถจับกวางได้ เขาจะทำพิธีโยนเนื้อกวางให้ฝูงสุนัข ในการล่ากวางนั้นจะไม่มีการใช้อาวุธแต่อย่างใด กองดุริยางค์วงนี้จึงมีแต่แตรเขากวางเป็นพื้น

สุนัขที่ใช้ในการล่ากวางมีอยู่สองชนิดคือ Poitevin หรือ Anglofrancais ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีถึงความกล้าหาญ ฉับไว และสัตชาติญาณในการใช้จมูกดมกลิ่น มีความสูง เจ็ดสิบเซ็นติเมตร ส่วนกวางจะมีความสูงประมาณ หนึ่งเมตรยี่สิบ หนักในราว ยี่สิบสี่กิโลกรัม และหากสุนัขไม่ฆ่าเสียก่อน ก็จะมีอายุในราวสิบปี

ขบวนที่สามเป็น Calgary Steson Show Band จากเมือง Calgary เมืองหลวงของเขต Alberta ประเทศแคนาดา ก่อนที่ชาวผิวขาวจากยุโรปจะมาตั้งรกรากในปีค.ศ. ๑๘๖๐ ที่นี่เคยเป็นที่อยู่ของชาวอินเดียนแดงเผ่า Blackfoot มาก่อน วงดนตรีก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. ๑๙๘๘ ปีเดียวกับที่มีกีฬาฤดูหนาวในเมือง Calgary เริ่มแรกเป็นวงดนตรีประเภท Marching Show Band แล้วก็กลายมาเป็นวงดนตรีในปัจจุบัน ซึ่งนักดนตรีประกอบด้วยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยในตัวเมือง ที่ได้รับโอกาสให้แสดงฝีมือในการเล่นดนตรีจนพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลายี่สิบปีวงดนตรีได้รับรางวัลมากมายทั้งในอเมริกาเหนือและยุโรป รวมถึงได้รับรางวัลที่หนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นในปีค.ศ. ๒๐๐๒ อีกต่างหาก

ชื่อของวงดนตรี Steson ได้มาจากกระท่อมที่มีชื่อเสียงของโลกคือ Cowboys Hut ที่สร้างขึ้นโดยนาย John Batterson Steson ในปีค.ศ. ๑๘๖๕ ในปัจจุบันกระท่อมแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของพวกคาวบอย แม้แต่ธงของ เมือง Calgary ก็มีตัวอักษรใหญ่ C สำหรับ Calgary และ Steson

กองดุริยางค์มีทั้งทรัมเป็ต กลอง แซ็กโซโฟน บาส และแตร ส่วนนักดนตรีอยู่ในชุดสีดำและเหลือง สรวมหมวกคาวบอย เพลงที่เล่นคือ Carmen Olympiada และ The Chase

ขบวนที่สี่คือ Military Music Recruits’School 16-12009 โรงเรียนทหารเกณฑ์บรรเลงเพลงในจังหวะมาร์ช จากเพลง Eye of the Tiger, Beat Battle, Dr. Seppi, Music และ Graubunden March นักเล่นดนตรีประกอบด้วยคนเป่าทรัมเป็ต นักกลองชนิดต่างๆ ในแต่ละปีทหารเกณฑ์ทั้งหญิงและชายจำนวนสองร้อยสี่สิบคน จะได้รับการฝึกฝนในเรื่องการดนตรี ตลอดระยะเวลายี่สิบเอ็ดสัปดาห์เพื่อเตรียมสำหรับการแสดงในพิธีต่างๆที่ทางการจัดขึ้น อีกทั้งวงดนตรีทหารยังเป็นโซ่สำคัญที่เชื่อมความผูกพันธ์ระหว่างประชาชนทั่วไปกับทหารอีกด้วย แน่นอนทหารเหล่านี้จำต้องมีพื้นฐานการดนตรีมาก่อน เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่ทหารที่ได้รับการฝึกฝนจนเก่ง จะได้รับประกาศณียบัตรอย่างเป็นทางการสำหรับไปเล่นดนตรีและเป็นวิทยากรได้อีกต่างหาก

การแสดงจะสมบูรณ์ไปไม่ได้หากขาดการเต้นระบำสวยที่มีชื่อว่า OzScot Dance นักเต้นสาวกลุ่มนี้มาจากประเทศออสเตรเลีย และเรียกกลุ่มของตนว่า Highland Dancers หลังจากที่อเมริกาประกาศเอกราชแล้ว จากค.ศ. ๑๗๘๘ เป็นต้นมา จึงจำเป็นต้องมีสถานที่ใหม่สำหรับให้ประเทศอังกฤษได้ส่งนักโทษชั้นต่ำไปเมืองซิดนีย์โดยทางเรือ เพราะฉะนั้นชาวออสเตรเลีย จึงมีรากเหง้ามาจากอังกฤษกันมาก

OzScot Highland Dancers เป็นนักเต้นระบำหน้าใหม่ที่เกิดขึ้นในปีค.ศ. ๒๐๐๐ นี่เอง คำว่า Oz เป็นคำย่อของประเทศ Australia (Oztralia) และ Scot มาจากประเทศ Scotland จึงเป็นที่มาของนักเต้น OzScot นักเต้นระบำสาวๆเหล่านี้มาจากที่ต่างๆในประเทศออสเตรเลีย แน่นอนว่าพวกเขามีเชื้อสายมาจากชาวสก๊อต และสามารถฝึกซ้อมด้วยกันได้เป็นบางครั้งเท่านั้น ด้วยสถานที่อันไกลจากกัน

ในปี ๒๐๐๙ มีสาวนักระบำเดินทางมาร่วมกันยี่สิบสี่คน มีอายุตั้งแต่สิบหกจนถึงยี่สิบแปด พวกเขาไม่ใช่นักเต้นอาชีพ แต่ยังไปโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย หรือไม่ก็มีอาชีพต่างๆกัน ดังที่กล่าวแล้วว่าการที่อยู่ไกลจากกันมาก การเตรียมตัวสำหรับ Basel Military Tattoo ในคราวนี้ พวกเขาจึงต้องฝึกซ้อมตามลำพังด้วยการใช้ DVD ซ้อมอยู่กับบ้าน การแสดงในรายการนี้ได้รับการปรบมือชมเชยจากผู้ดูมากมาย อยากจะเล่าว่าการเต้น OzScot คล้ายคลึงกับระบำ Polka ที่เคยเรียนมา ชุดที่นักเต้นสวมใส่ก็น่ารัก เป็นกระโปรงลายสก๊อตสั้นๆสีฟ้า ส่วนเสื้อเป็นเสื้อสีดำคอเปิด เพลงประกอบการเต้น คือ Just for Seumas

พาเหรดชุดที่หกเป็น Police Music Basel ของกรมตำรวจเมืองบาเซิล แต่งชุดตำรวจเต็มยศสีน้ำเงิน กองดุริยางค์ตั้งขึ้นในปีค.ศ. ๑๙๐๙ และฉลองครบรอบร้อยปีในปีนี้ ผู้แทนของกรมตำรวจที่เล่นดนตรีมีอยู่หกสิบคนรวมทั้งหญิงและชาย อย่างไรก็ดีสมาชิกของวงดุริยางค์กลุ่มนี้ไม่ใช่ตำรวจทั้งหมด มีพลเรือนที่มาจากอาชีพต่างๆหลายคน แต่พวกเขามีจุดประสงค์หนึ่งเดียวกันคือสร้างความรื่นรมย์ให้แก่คนทั่วไป ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่มืออาชีพแต่พวกเขาก็เดินทางไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกเพื่อแสดงฝีมือการเล่นดนตรี และได้นำวงเข้าร่วมกับ Basel Tattoo ด้วย

The Band of the Blues and Royals จากประเทศอังกฤษตามมาเป็นขบวนที่เจ็ด พระนางเจ้าเอลิซาเบธของอังกฤษได้มีพระเมตตาส่งม้าสีขาวมาสี่ตัวและสีน้ำตาลอีกหนึ่งตัว คุณผู้อ่านคงวาดภาพออกว่า การส่งม้าข้ามประเทศเป็นสิ่งที่ทำกันไม่ง่ายนัก วงดุริยางค์วงนี้มีสถานที่ตั้งอยู่ที่ Knightsbridge ของกรุงลอนดอนเพื่อให้ง่ายสำหรับวงดนตรีที่จะย้ายที่ไปเล่นในและนอกเมืองหลวงที่ใกล้ๆ

The Royal Horse Guards (Blues) เป็นกองทัพตัวอย่างใหม่ที่เกิดจากการสลายตัวของเหล่าทหารม้าในปีค.ศ. ๑๖๖๑ วงได้ชื่อมาจากชื่อของผู้บังคับบัญชาการกองทัพ Earl of Oxford และทหารใต้บังคับบัญชาที่สรวมยูนิฟอร์มสีน้ำเงิน จึงได้กลายเป็น Oxford Blues ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่นักกลองและนักเป่าทรัมเป็ตต่างก็ขี่ม้าเป่าและร่วมอยู่ในวงด้วยเสมอ ในปีค.ศ. ๑๘๐๕ พระเจ้าจอรจ์ที่สาม ได้ประทานกลองสองสามใบให้แก่วงดนตรีด้วยพระองค์เอง และยังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้

นักดนตรีนั่งอยู่บนหลังม้า ที่มีอยู่ด้วยกันสามสิบตัว ม้าแต่ละตัวต้องแบกภาระที่หนักอึ้ง เพราะมีทั้งนักดนตรีและเครื่องดนตรีเช่นกลองบรรทุกอยู่บนหลังด้วย นักดนตรีบางคนเล่นดนตรีบนหลังม้าได้พร้อมกันถึงสองชนิด ไม่เพียงแต่เล่นดนตรีได้เพียงอย่างเดียว ในยามคับขันเช่นสงครามอ่าวเปอร์เซีย ทหารกองนี้ยังสามารถไปช่วยทำประโยชน์อย่างอื่นได้อีกต่างหาก เช่นงานบูรณะซ่อมแซม งานรักษาพยาบาลผู้ป่วยหรือบาดเจ็บ เป็นต้น ดนตรีที่เล่นคือ Fehrbelliner, Reitermarsch, Grand March from Aida, Radetsky March, Light Calvary

ขบวนที่แปด Air Force Music Corps ที่สอง จากประเทศเยอรมันนี แต่งเต็มยศสีน้ำเงินแก่ คาดเข็มขัดขาว เป็นวงดนตรีที่มีฐานอยู่ที่เมือง Karlsruhe ที่มีเขตแดนติดกับฝรั่งเศสมีแม่น้ำไรน์เป็นสัญลักษณ์เช่นเดียวกัน ในกองทัพเยอรมันนี มีวงดุริยางค์ด้วยกันทั้งหมดถึง สิบแปดวงที่เป่าแตรมาร์ชในแต่ละวัน ในจำนวนนี้มีกองดุริยางค์ทหารอากาศอยู่ถึงสี่วง และวงดนตรีทหารอากาศที่สองนี้ได้ฉลองครบรอบห้าสิบปีของการตั้งวงเมื่อค.ศ. ๒๐๐๖ นอกจากจะเป็นวงที่เล่นในพิธีการต่างๆแล้วยังเป็นตัวแทนของกองทัพไปบรรเลงในที่ต่างๆอีกด้วย ทั้งในและนอกประเทศ

มีทหารประมาณหกสิบนายที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการเล่นดนตรีเพลงเยอรมันของกองทัพ ประกอบด้วยทหารอาชีพ และทหารเกณฑ์ ด้วยเหตุที่เก่งและเชี่ยวชาญในเรื่องดนตรี หลายคนได้ไต่เต้าขึ้นไปจนเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง ดนตรีทีเล่นในวันนั้นมีเพลง Berliner Luft, Olympic Fanfare and Theme, Rosamunde, รวมไปถึง William Tell และ Deutschmeister Regimentmarsch อีกด้วย

ดุริยางค์วงที่สิบชื่อ Regimental Band of Her Majesty’s Coldstream Guards จากประเทศอังกฤษ ซึ่งตั้งมาสองร้อยปีแล้ว แต่เพิ่งจะมามีที่อยู่เป็นหลักแหล่งที่ กรมทหาร Wellington เมื่อปี ๑๙๘๔ นี่เอง เป็นกรมทหารที่อยู่ไม่ไกลจาก Buckingham Palace เท่าไรนัก วงดุริยางค์ ถูกขนานนามว่า Coldstream เพราะอยู่ในเมือง Coldstream ที่อยู่ติดกับพรหมแดนของประเทศ สก๊อตแลนด์ เครื่องแบบของวงดุริยางค์นี้มีเสื้อนอกเป็นสีแดง มีสัญลักษณ์สีแดงติดอยู่บนหมวกทางขวามือ มีกระดุมที่ขัดเป็นเงาติดอยู่บนเสื้อเก้าเม็ด เพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อ King of Pop ที่เพิ่งถึงแก่มรณกรรม พวกเขาจึงเล่นเพลงของ Michael Jackson “Legends” Thriller, Candle in the wind ของ Elton John เพลง Elvis Medley (Elvis Presley) และ Yellow Submarine ของ The Beatles

ในที่สุดก็มาถึง Top Secret Drum Corps ที่ทุกคนรอคอย วงดนตรีวงนี้ถือกำเนิดจากการฉลองประจำปีคือ Fasnacht ของเมืองบาเซิล เมื่อสิบปีที่แล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ไปเล่นตามทวีปทั้งห้าทวีป แต่ที่ทำชื่อเสียงให้มากที่สุดก็เมื่อ ไปเล่นที่เมืองเอดินเบอเรอห์ในปี ๒๐๐๓ และปี ๒๐๐๖ และจะแสดงเป็นครั้งที่สามในฤดูร้อนของปีนี้ จุดเด่นที่สำคัญของวงดนตรีกลองชุดนี้อยู่ที่ความรวดเร็วในการเปลี่ยนท่าในการเล่นกลอง การโยนธงให้เข้าจังหวะอย่างฉับพลัน เป็นการแสดงที่ยากมาก แต่ด้วยการจัดฉากที่เป็นเยี่ยม และการฝึกฝนอย่างมีวินัย Top Secret Drum Corps จึงเป็นที่นิยมและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก

งานเลี้ยงต้องมีเลิกรา Finale ฉากสุดท้ายของการแสดงเยี่ยมมากนักดนตรีของทุกวง ออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน เป่าทั้งปี่ ตีทั้งกลอง ทั้งขับร้องและเต้นรำ เมื่อได้ฟังเพลงบรรเลงของกองดุริยางค์ที่มีจำนวนคนนับพันขนาดนี้ เป็นสิ่งยากจะบรรยาย ผู้ชมทั้งหมดต่างร่วมมือร่วมใจกันตบมือเข้ากับจังหวะของเพลงที่บรรเลง กระทืบเท้า เป่าปาก แล้วแต่ใครจะถนัดอะไร ผู้เขียนเองตบมือจนเมื่อย ขนาดลืมตัวไปว่าเป็นสาวน้อยแรกแย้ม (ฝาโลง) แล้ว ตื่นเต้นถึงกระทืบเท้าเข้าจังหวะกับดนตรีด้วย ทำให้เมื่อยขาในวันรุ่งขึ้น นักดนตรีกล่าวอำลาด้วยเพลง Farewell to Basel, Lass o’Fyvie, Arrival, Glendaruel Highlanders, Atholl Highlanders, Like a Dream, Nationalhymne, Lone Piper, Amazing Grace, Basler March, Black Bear, Scotland the Brave

ชาวสวิสเก้าสิบเปอร์เซ็นต์จำเนื้อเพลงชาติของตนเองไม่ได้ เพราะไม่มีใครร้องกัน นอกจากโอกาสพิเศษเช่น นักกีฬาได้เป็นแชมเปี้ยนในกีฬาอย่างใดอย่างหนึ่ง และเพลงชาติของสวิสก็ไม่ใช่เรื่องสอนให้รักชาติแต่อย่างหนึ่งอย่างใด แต่เป็นเพลง Hymn ที่ร้องกันในโบสถ์ พอมีประกาศว่าจะมีการร้องเพลงชาติ ทุกคนหันไปมองหน้ากันเลิ่กลั่ก จนโฆษกต้องแนะนำด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ให้เปิดหนังสือที่หน้านั้นหน้านี้ดูจะมีเนื้อเพลงอยู่ เรียกเสียงฮาได้จากผู้ชมทั้งอัฒจรรย์ พวกเขาทุกคนมีความรักชาติอย่างฝังแน่นอยู่ในใจ จึงไม่ได้เห็นความสำคัญที่จะต้องร้องเพลงชาติเพื่อตอกย้ำ เผื่อคุณผู้อ่านคนใดอยากรู้ว่าเพลงชาติของสวิสชื่ออะไร จะบอกให้ค่ะ

Trittst Im Morgenrot daher

Seh ich dich im Strahlenmeer

แปลง่ายๆเป็นภาษาอังกฤษว่า

Step into the dawn

(Then) I’ll see you in the rays

of sunlight.

จงเดินออกมาในรุ่งอรุณของวันใหม่

แล้วฉันจะเห็นเธอในแสงสว่างของวัน

จบ