สวิตเซอร์แลนด์จมอยู่ใต้น้ำ

หลังจากที่ฝนตกหนักอยู่ได้ 4 วันติดๆกัน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็จมอยู่ใต้น้ำ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนมีแต่น้ำและโคลน หิมะที่กลายเป็นน้ำไหลบ่าลงมาจากภูเขา และน้ำที่เอ่อนองจากแม่น้ำและทะเลสาบ โคลนตมที่ถูกน้ำฝนซัดลงมาจากเทือกเขา ไหลลงสู่แม่น้ำและลำธารที่ไหลแรงและเชี่ยวกราก ถนนในเมืองและหมู่บ้านหลายแห่งกลายเป็นแม่น้ำสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำที่รุนแรงและบ้าคลั่งพัดทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า รวมถึงต้นไม้ใหญ่ต่างๆที่ถูกถอนรากถอนโคน ถูกสายน้ำพัดอย่างแรงไปตามกระแสอันเชี่ยวกราก ทำให้ท้องน้ำเต็มไปด้วยท่อนไม้ที่หักโค่น พร้อมที่จะปะทะพาเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปตามแรง

ถนนหลายสายทั้งใหญ่และเล็ก รวมถึงถนนไฮเวย์ พังทลาย เพราะต้านกระแสน้ำไม่ไหว สะพานแทบทุกแห่งหักโค่น ทั้งรถยนต์และยานพาหนะที่จอดอยู่หลายคัน จมอยู่ใต้น้ำโดยที่เจ้าของไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะขับไปไว้ในที่ปลอดภัย ไฟฟ้าและโทรศัพท์ในแหล่งที่ถูกภัยจากธรรมชาติเล่นงาน ใช้การไม่ได้ น้ำก๊อกที่สะอาด เคยใช้กินใช้ดื่ม ถูกความโสโครกของขยะเข้าปะปนทำให้ใช้ดื่มกินไม่ได้ จำเป็นต้องต้มก่อนใช้ เฉกเช่นประเทศที่ด้อยพัฒนา สัตว์เลี้ยงหลายตัวถูกพัดจมหายไปกับท้องน้ำ เรือกสวนไร่นาหลายแห่งถูกน้ำท่วมเสียหายจนสิ้นเชิง

รัฐบาลเตือนให้ทุกคนอยู่ในบ้าน หากไม่จำเป็นจะต้องออกไปทำธุระที่ใด โรงเรียนต่างๆ ที่ควรจะเริ่มเปิดเรียนในวันจันทร์ที่แล้วจำต้องหยุดต่อไป จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ประชาชน 1,500 คน ถูกอพยพออกจากบ้านที่อยู่อาศัย เพื่อไม่ให้ถูกพัดพาไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาบนหลังคา นี่เป็นในประเทศที่มีมาตรฐานในการสร้างบ้านเรือนอย่างมีกฎเกณฑ์เข้มงวดมีการก่อสร้างมั่นคงแข็งแรงที่จะทนลมฟ้าดินไฟได้เป็นร้อยๆปี อาคารตึกรามหลายแห่งในตอนกลางของประเทศเป็นเหยื่อของน้ำ หรือไม่ก็ถูกดินทับถล่มทลาย รัฐบาลประกาศให้ประเทศอยู่ในความฉุกเฉินของภัยธรรมชาติ นายนแซมวล ชมิดท์ (Samuel Schmidt) ประธานาธิบดีของประเทศสวิส ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์มาดูเหตุการณ์ด้วยตนเองในหมู่บ้านที่อยู่ติดกับหมู่บ้านของผู้เขียน เพราะแม่น้ำรอยซ์เอ่อนองพังฝั่งแม่น้ำและทุ่งหญ้าทั้งสองข้าง จนกลายเป็นแม่น้ำสองสาย โชคดีนิดหน่อยที่หมู่บ้านอันเป็นที่ตั้งบ้านของผู้เขียนอยู่บนที่สูงประมาณ 500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และสูงจากฝั่งแม่น้ำรอยซ์ จึงรอดไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็เกือบจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเหมือนกัน หากไม่มีถนนอีกสายหนึ่งที่ทอดไปยังเมืองลูเซิร์น

ใจกลางของประเทศสวิสโดนหนักที่สุด หมู่บ้านเองเกิ้ลเบิร์ก Engleberg ที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ที่เชิงเขา ทิทลิส Titlis อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่ง ถูกตัดออกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง นักท่องเที่ยวกว่าพันคนติดอยู่ในโรงแรมที่ไม่มีทั้งน้ำและไฟ รอความช่วยเหลือจากเฮลิคอปเตอร์เพื่อนำส่งโลกภายนอก เพราะไม่มียานพาหนะใดๆสามารถไปถึงได้ ทั้งรถไฟและรถยนต์เป็นอัมพาต โดยสิ้นเชิง เนื่องจากถนนและทางรถไฟถูกตัดขาด ทางโรงแรมต้องอาศัยแสงเทียนแทนแสงไฟฟ้า ส่วนอาหารการกินก็ถูกจัดส่งไปให้ที่โรงแรมโดยครัวของโบสถ์คาทอลิกที่เป็นแห่งเดียวที่มีเครื่องปั่นไฟของตนเองใช้ ขณะที่กำลังเขียนข่าวนี้มีคนตายไปแล้ว 7 คน 2 คนเป็นนักดับเพลิง อีก 5 คน ถูกกระแสน้ำพัดจมน้ำไป

ทหาร พลเรือน นักดับเพลิง ต่างต้องทำงานกันอย่างหนัก เฮลิคอปเตอร์บินกระหึ่มอยู่เหนือหัว คอยสังเกตการณ์ แม้แต่ทางขึ้นและลงภูเขาพิลาตุส และภูเขายุงเฟราก็ไม่ม่ทางผ่านเข้าไปได้ เพราะเมืองอินเทอร์ลาเก้นก็ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน

เมืองลูเซิร์นถูกน้ำท่วมจนถนนแทบทุกสายในตัวเมืองต้องปิด สะพานไม้อันมีชื่อเสียงก้องโลกจมอยู่ในแม่น้ำรอยซ์ที่ไหลเชี่ยวกราก ทางเดินที่ทอดไปตามทะเลสาบลูเซิร์นใต้ต้นไม้อันร่มรื่น ถูกน้ำจากทะเลสาบนองขึ้นมาจนถึงหัวเข่า พนักงานของโรงแรมห้าดาว ทั้งเนชั่นแนลและพาลาส ที่ตั้งอยู่บนทะเลสาบ ต้องใช้ปั๊มสูบน้ำตลอดเวลา เพื่อไม่ให้น้ำท่วมเข้าไปในห้องใต้ดิน ซึ่งเป็นทั้งครัวและที่เก็บไวน์ ร้านขายนาฬิกา และของที่ระลึกที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เช่น Bucherer และ Gubelin ก็โดนน้ำท่วมเช่นกัน โรงรถสาธารณะใต้ดินทุกแห่งปิดตาย มีกระสอบใส่ทรายขวางเป็นระยะๆอยู่ทุกทางขึ้น Lucerne Music Festival ต้องถูกยกเลิกชั่วคราว ระดับของน้ำในทะเลสาบยังคงขึ้นอยู่ แต่ก็ไม่รุนแรงรวดเร็วเหมือนเมื่อสองสามวันก่อน ส่วนเมืองหลวงของประเทศ คือ กรุงเบิร์นก็ตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกัน รวมไปถึงเมืองตากอากาศและเล่นสกีอีกหลายแห่ง

ความเสียหายของประเทศสวิสครั้งนี้ ถ้าคิดเป็นเงินก็ใหญ่หลวงนัก ยิ่งไปกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสึนามิในประเทศไทยทุกแห่งรวมกันหลายต่อหลายเท่า แต่ก็เป็นความเสียหายที่สามารถซ่อมแซมได้ ในขณะที่สึนามิในประเทศไทยได้คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนหลายต่อหลายพันคน ซึ่งไม่อาจจะชดเชยเป็นเงินได้ จึงเป็นความเสียหายที่แตกต่างกันในด้านจิตใจ

สิ่งที่น่าขำแต่ขำไม่ออกก็คือ ผู้เขียนเห็นว่า เมืองลูเซิร์นตอนน้ำท่วมสวยมีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่ง น้ำจากทะเลสาบที่ล้นขึ้นมาตามทางเท่าและจากแม่น้ำรอยซ์ที่ไหลเชี่ยว ใส่แจ๋วเป็นตาตั๊กแตน ทำให้ระลึกถึงเพลง “วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง”

ห่านและหงส์หลายตัวว่ายน้ำกันอย่างร่าเริง บางตัวพอเหนื่อยก็หลบขึ้นมานั่งพักบนฝั่งใซ้ขนสีขาวไปอย่างมีความสุข อย่างไรก็ดี หากคุณผู้อ่านคนใดคิดจะมาเที่ยวสวิสในปีนี้ ก็อยากจะขอให้เลื่อนไปจนถึงปีหน้าเพื่อความสะดวก เพราะถนนหนทางยังจะต้องซ่อมแซมกันอีกมากมาย ไม่ทราบว่าเมื่อไรจึงจะใช้การได้เป็นปกติ.